วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2561

เรื่องสั้น

๑. ครอบครัวกลางถนน

รวมเรื่องสั้น รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมอาเซียน ปี 2536
ผู้เขียน ศิลา โคมฉาย
รวม 13 เรื่องสั้น เรื่องสั้นซีไรท์ และรางวัลสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่ฉายให้เห็นถึงอารมณ์ร้าวลึกของคนเมือง ที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนท่ามกลางความผันแปรของสังคมปัจจุบัน โดยดึงนานาปัญหา หลากหลายแง่มุม ผูกร้อยเป็นเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ ความขัดแย้งของคนในครอบครัว การดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด การแก่งแย่งเชือดเฉือนในวงการธุรกิจและการเมือง ความเครียดที่ถูกสังคมบีบคั้นและเร่งรัด และความกดดันรุนแรงที่ไม่มีทางออก ถ่ายทอดด้วยสำนวนโวหารที่สร้างบรรยากาศและจินตภาพ ทำให้ผู้อ่านสามารถสัมผัสอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร เป็นการส่งสารวรรณศิลป์ได้อย่างแนบเนียนและลึกซึ้ง





๒. คิดถึงทุกปี

ผู้เขียน บินหลา สันกาลาคีรี
"คิดถึงทุกปี" เป็นมากว่าเรื่องสั้น หรือหนังสือ คำนี้อาจสะท้านสะเทือนหัวใจของใครบางคน
รวมเรื่องสั้นอารมณ์รักขมๆ จำนวน 9 เรื่องที่กินใจนักอ่านมากว่าสิบปี ไม่ว่าจะเป็นหัวใจนกปรอด งางอน นครคนดี สัตว์ 2 นอ คิดถึงทุกปี สารนาถ งามแสงดาว ตาหมาหมวก มหกรรมขายทอดตลาด "ถูก" ที่สุดในโลก และเพิ่มเติมด้วย คำตาม สุดพิเศษจาก "มุกหอม วงษ์เทศน์" ในชื่อเรื่อง คิดถึงทั้งปี คุณได้จะได้สัมผัสทั้งอารมณ์ที่เศร้า เหงา ประทับใจ และงดงาม เป็นเรื่องสั้นที่ให้ข้อคิดดีๆ ภายใต้ความแสนจะโรแมนติกที่ผู้เขียนบรรจงถ่ายทอดอย่างนิ่มนวล



๓. เจ้าหงิญ

ผู้เขียน บินหลา สันกาลาคีรี
ผลงานรวมเรื่องสั้นลำดับที่ 3 ของ บินหลา สันกาลาคีรี เป็นนิทานสำหรับทุกวัย หลากรส ลึกล้ำ โลดแล่นไปกับจินตนาการสุดบรรเจิด 
เป็นการสร้างเรื่องจากจินตนาการมองโลกในแง่มุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแง่เหงา เศร้า สดใส ช่างจินตนาการ เย้ยหยัน... 
แต่ละเรื่องถ้าอ่านเอารสและรื่นรมย์ ก็จะสัมผัสกับความหมายเล็ก ๆ ที่ "บินหลา" แอบซุกซ่อนไว้ 
คือศักยภาพแห่งจินตนาการและความฝันของมนุษย์ ถ้าอ่านเอาจริงเอาจังก็จะพบความหมายใหญ่ นั่นก็คือวิญญาณขบถในตัวมนุษย์ทุกนาม






๔. โลกคู่ขนานหลังประตูบานนั้น

ได้รับรางวัล : รางวัลชมเชยประเภทรวมเรื่องสั้น
ชื่อผู้แต่ง : โมน สวัสดิ์ศรี
เรื่องสั้นชุดนี้ฉายภาพ “ผลกระทบ” จากโลกของทุนนิยม ที่ส่งอิทธิพลต่อชนชั้นล่าง ทั้งปัญหาที่ชนชั้นล่างไม่สามารถเข้าถึงทรัพยากรได้ ปัญหาที่ชนชั้นล่างพยายามปรับตัวให้เข้ากับ “การเปลี่ยนแปลงของสังคม” ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งล้วนเป็นพลวัตของยุคสมัย และระบบทางการตลาดที่ยากจะเหนี่ยวรั้งไว้ได้




วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2561



นวนิยาย

๑. ตลิ่งสูงซุกหนัก

รางวัลซีไรต์ ปี 2531
ผู้เขียน นิคม รายยวา
“ตลิ่งสูง ซุงหนัก” เป็นเรื่องราวความรักความผูกพันระหว่างคนกับช้าง   ที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่า   ความหมายของชีวิต   ที่มีการเกิดและความตายอย่างละหนึ่งเท่ากัน   คำงายได้ตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต   โดยเห็นว่าคนเรานั้น   มัวแต่รักษาซากที่ไม่มีชีวิต   ไม่เคยรักษาชีวิตที่อยู่ในซากเลย   เขาจึงเลือกรักษาชีวิตโดย   เลี้ยงมัน   รักมัน   ถนอมมัน   และเห็นความสัมพันธ์โยงใย   ระหว่างชีวิตทั้งหลาย   

  

๒. ลูกอีสาน

นวนิยายรางวัลซีไรต์ พุทธศักราช 2522
ผู้เขียน คำพูน บุญทวี
 "ลูกอีสาน" ผลงานประพันธ์ยอดเยี่ยมของ"ลูกอีสาน" ผลงานประพันธ์ยอดเยี่ยมของ "คำพูน บุญทวี" ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์แห่งอาเซียน (ซีไรต์) เมื่อพ.ศ.2522 ทางสำนักพิมพ์ได้จัดพิมพ์ "ลูกอีสาน" ใหม่โดยปรับปรุงให้รับกับสมัย พร้อมทั้งเพิ่มภาคผนวกและภาพประกอบเพื่อให้ผู้อ่านได้รับอรรถรสและซึมซับความเป็นลูกอีสานได้อย่างเต็มอิ่ม เช่นเดียวกับการนำเพชรมาประดับบนตัวเรือนใหม่ให้สมค่าและศักดิ์ศรี



๓. คนแคระ


ผู้เขียนวิภาส ศรีทอง
"คนแคระ" เล่มนี้ นำเสนอปัญหาสัมพันธภาพระหว่างมนุษย์ เปิดเผยให้เห็นความโดดเดี่ยวอ้างว้างของกลุ่มคนซึ่งเป็นตัวแทนของสังคมร่วมสมัย โดยสะท้อนให้เห็นการขาดความตระหนักถึงคุณค่าของความเป็นมนุษย์ การหมกมุ่นอยู่กับปัญหาของตนเอง และการโหยหาสัมพันธภาพระหว่างมนุษย์แต่จำกัดขอบเขตของความสัมพันธ์นั้นไว้ ทั้งหมดนี้ผู้เขียนนำเสนอผ่านตัวละครที่แสดงความเย็นชาต่อชะตากรรมของมนุษย์ และหาทางสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของตัวเอง 
 ผู้เขียนมีกลวิธีการเล่าเรื่องเนิบช้า ทว่า...มีพลัง มีการสร้างจินตภาพที่ชวนให้เกิดการตีความหลากหลาย มีตัวละครซับซ้อน แปลกแยก และท้าทายกฎเกณฑ์ของสังคม คุณค่าของนวนิยายนี้จึงอยู่ที่การกระตุ้นให้เกิดการสำรวจภาวะความเป็นมนุษย์ ในโลกร่วมสมัย ในขณะเดียวกันก็ตั้งคำถามกับมโนสำนึก ความรับผิดชอบชั่วดีและสารัตถะของชีวิต! 

๔. ความสุขของกะทิ

ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน 
(ซีไรต์) ของประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2549 และได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2552 
ผู้เขียน   งามพรรณ เวชชาชีวะ
พบกับวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน ประเภทนวนิยาย ประจำปี 2549 “ความสุขของกะทิ” เนื้อหาในเล่มจะพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับเด็กหญิงคนหนึ่งในสังคมแบบชนบทที่ดำเนินไปอย่างเนิบช้าและสงบงาม เป็นชีวิตอย่างที่ผู้คนจำนวนมากในเมืองต่างก็โหยหา แต่ลึกลงไปในใจของเด็กหญิง แม้จะมีทั้งตาและยายคอยให้ความรักและใส่ใจ เธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงแม่ แม่ผู้เก็บความลับในชีวิตของเธอเอาไว้ แม่ผู้บอกเหตุผลได้ว่าทำไมเธอจึงต้องมาอยู่กับตายาย แทนที่จะอบอุ่นในบ้านที่มีทั้งพ่อและแม่ แม่ผู้จะตอบคำถามในใจของกะทิได้หมด แม้ว่าบางคำถาม กะทิจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าต้องการจะรู้หรือไม่ก็ตาม...



๕. ช่างสำราญ

นวนิยายรางวัลซีไรต์ประจำปี 2546
ผู้เขียน เดือนวาด พิมวนา
"ช่างสำราญ" เป็นผลงานลำดับสองของนักเขียนผู้ได้รับการประดับช่อการะเกดสามปีซ้อน (2535-2537) เนื้อหาภายในเล่มเสนอภาพชีวิตที่สะท้อนให้เห็นถึงสายใยในสังคมเล็กๆ ที่ หลงเหลือ อยู่จริงไปพร้อมกัน แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่า สังคมไทยในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนโฉมหน้าไปจากอดีตมากแล้ว กระนั้น ราก บางอย่างก็หาได้ถูกขุดโค่นถอนโคนจนสิ้นซากไม่ และผู้เขียนยังได้นำเสนอเรื่องราวแยกย่อยออกเป็นบทต่างๆ ซึ่งมีประเด็นคมชัดอยู่ในตัวเองแล้ว ทั้งหมดนั้นยังร้อยเรียงเป็นเอกภาพอันช่วยขับขยายให้เข้าใจสภาพของสังคมได้อย่างแจ่มชัดมีชีวิตชีวายิ่งกระทั่งกล่าวได้ว่า ช่างสำราญ ก็คือภาพจำลองของสังคมไทยร่วมสมัยนั่นเอง ด้วยการเล่าเรื่องอย่างมีลักษณะเฉพาะตัว ชวนติดตามตลอดเล่ม